Time

#### รักได้รักไปแล้ว ####

#### รักได้รักไปแล้ว ####
หากเปลี่ยนใจไปรักใครได้ฉันรักไปแล้ว

ฮะเก๋า

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แผนที่


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่2009

วิธีป้องกัน ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล สำหรับ ผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์ สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด (หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที)
4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ
2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม
5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์

อาหารภาคเหนือ

แกงน้ำเต้าอ่อน

แกงน้ำเต้าอ่อน หรือแกงบ่าน้ำ นิยมใช้บ่าน้ำหรือน้ำเต้า ที่ยังเป็นผลอ่อน ใส่ปลาช่อนย่างไฟ บ้างนิยมใส่ใบโหระพา แทนใบแมงลัก
ส่วนผสม
1. น้ำเต้าน้ำเต้าอ่อน 150 กรัม
2. ปลาช่อนย่าง 100 กรัม
3. ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย
4. ผักชีซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกหนุ่ม 2 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. ปลาช่อนย่าง 50 กรัม
5. กะปิหยาบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำ พอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด
3. ใส่น้ำเต้า คนให้เข้ากัน
4. ใส่ปลาช่อนย่าง ตามด้วยใบแมงลัก คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
เคล็บลับในการปรุงโขลกปลาย่างรวมกับเครื่องแกง จะทำให้น้ำแกงข้นขึ้น
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=115


เจียวไข่มดแดง

เจียวไข่มดแดง
เจียว (อ่านว่า เจี๋ยว) เป็นวิธีการปรุงอาหารที่ใส่น้ำ แล้วตั้งไฟให้เดือด ใส่กะปิ เกลือหรือน้ำปลา ปลาร้า กระเทียม หอมหัวเล็ก พริกสด ลงไปปรุงรส จากนั้นจึงใส่ผัก หรือไข่ขณะที่น้ำเดือด หรือจะปรุงรสทีหลังก็ได้ แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย ถ้าชอบเผ็ด ก็ใส่พริกสด หรือพริกสดเผาแกะเปลือก ใส่ลงไปทั้งเม็ด หรือจะใช้กินกับเจียวผักนั้น เจียวมีลักษณะคล้ายจอ แต่ไม่มีรสเปรี้ยว ปริมาณน้ำแกงน้อยกว่าจอ เช่น เจียวผักโขม เจียวไข่มดแดง เป็นต้น (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 1367; ศรีวรรณ จำรัส, 2550, สัมภาษณ์)
เจียวไข่มดแดง
เจียวไข่มดแดง หรือเจี๋ยวไข่มดส้ม เป็นการปรุงอาหารประเภทเจียว ที่นิยมใส่ไข่ไก่ โดยตีให้กระจาย ลงไปในน้ำแกงขณะเดือด เช่นเดียวกับการเจียวผัก แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย แล้วแต่ชอบ (อินทร วงค์กุฎ, สัมภาษณ์, 26 มิถุนายน 2550)
ส่วนผสม
1. ไข่มดแดง 50 กรัม
2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. มะเขือเทศลุกใหญ่ 3 ลูก
4. หอมแดง 3 หัว
5. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกแห้ง 3 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. กะปิ 1 ช้อนชา
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างไข่มดแดงให้สะอาด
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. น้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟ ละลายเครื่องแกง พอเดือด
4. ใส่ไข่มดแดง หอมแดง และมะเขือเทศ
5. ใส่ไข่ไก่ คนให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=23

ปฏิทิน 2009