ฮะเก๋า
เว็ปที่ฝากไว้ให้ Upload คณะการบัญชีและการจัดการ
วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Downlond พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดทางด้านคอมพิวเตอร์
Downlond พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดทางด้านคอมพิวเตอร์
http://www.uploadtoday.com/download/?498978&A=667250
http://www.uploadtoday.com/download/?499012&A=672757
http://www.uploadtoday.com/download/?498978&A=667250
http://www.uploadtoday.com/download/?499012&A=672757
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Resume
Resume 
ชื่อ-สกุล นางสาวสุภาวิดา สูงดำ
SUPHAWIDA SUNGDUM
วันเกิด 11 เมษายน 2530
11 April 1987
ที่อยู่ 110 หมู่ 6 ตำบลโนนธาตุ อำเภอหนองสองห้อง
จังหวัดขอนแก่น40190
เบอร์ติดต่อ 08-6897-8530, 08-5761-1509
E-mail mailto:A_kung_am@hotmail.com,
akungkung@gmail.com
เว็บไซต์ http://akungac495.blogspot.com/
การศึกษา
ระดับประถมศึกษา โรงเรียนบ้านโคกสูงประชาสรรค์
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนหนองสองห้องวิทยา เกรดเฉลี่ย 3.03
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนหนองสองห้องวิทยา เกรดเฉลี่ย 3.37
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะการบัญชีและการจัดการ สาขาการบัญชี
ประสบการณ์
ฝึกงานที่บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด
อบรบฝึกประสบการณ์วิชาชีพที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(ทำขนมไทย)
อบรมผู้สอบบัญชีภาษีอากร
อาชีพที่อยากเป็น นักบัญชี
คติ อ่อนไหวได้อย่าอ่อนแอ อย่ายอมแพ้แม้จะอ่อนใจ
งานอดิเรก ชอบฟังเพลง ชอบเต้น ชอบอ่านหนังสือ(ทั่วๆไป)

ชื่อ-สกุล นางสาวสุภาวิดา สูงดำ
SUPHAWIDA SUNGDUM
วันเกิด 11 เมษายน 2530
11 April 1987
ที่อยู่ 110 หมู่ 6 ตำบลโนนธาตุ อำเภอหนองสองห้อง
จังหวัดขอนแก่น40190
เบอร์ติดต่อ 08-6897-8530, 08-5761-1509
E-mail mailto:A_kung_am@hotmail.com,
akungkung@gmail.com
เว็บไซต์ http://akungac495.blogspot.com/
การศึกษา
ระดับประถมศึกษา โรงเรียนบ้านโคกสูงประชาสรรค์
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนหนองสองห้องวิทยา เกรดเฉลี่ย 3.03
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนหนองสองห้องวิทยา เกรดเฉลี่ย 3.37
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะการบัญชีและการจัดการ สาขาการบัญชี
ประสบการณ์
ฝึกงานที่บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด
อบรบฝึกประสบการณ์วิชาชีพที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(ทำขนมไทย)
อบรมผู้สอบบัญชีภาษีอากร
อาชีพที่อยากเป็น นักบัญชี
คติ อ่อนไหวได้อย่าอ่อนแอ อย่ายอมแพ้แม้จะอ่อนใจ
งานอดิเรก ชอบฟังเพลง ชอบเต้น ชอบอ่านหนังสือ(ทั่วๆไป)
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552
คณะการบัญชีและการจัดการ
ประวัติ คณะการบัญชีและการจัดการ
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ ระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยคณะการบัญชีและการจัดการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2541 มีลักษณะของการดำเนินงานและรูปแบบของการบริหารงานแบบนอกระบบราชการเน้นความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และพึ่งตนเองมากที่สุดในการจัดการศึกษา โดยมีสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุม
คณะการบัญชีและการจัดการเริ่มต้นจากภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ใน ปีการศึกษา 2538 ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจ (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาการตลาดขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จากเดิมที่เปิดสอนเฉพาะวิชาโทบริหารธุรกิจ) โดยจัดสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเป็นโครงการพิเศษ ในปีการศึกษา 2540 ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการตลาดด้วย
ในปีการศึกษา 2546 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบัญชีบัณฑิต และหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิตขึ้น
ในปีการศึกษา 2547 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาธุรกิจระหว่าง ประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง พร้อมทั้งมีการปรับปรุง หลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ในปีการศึกษา 2548 คณะฯ ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการจัดการทรัพยากร มนุษย์ สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ สาขาวิชาการบริหารการเงิน สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ และหลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (ศ.บ.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A.) สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และระดับปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการจัดการ ขึ้นอีกด้วย
จากวันนั้น ถึงวันนี้คณะการบัญชีและการจัดการได้พัฒนาความก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการและการ บริหารงานมาโดยตลอด เกือบ 10 ปี ที่ก้าวเดินบนเส้นทางการผลิตบัณฑิต และมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน คณะฯ ได้ผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดออกไปรับใช้สังคมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศจำนวนมาก ซึ่งบัณฑิตและมหาบัณฑิตของคณะฯ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพการบัญชีและบริหารธุรกิจเป็นอย่างดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่โดดเด่น
และสามารถประยุกต์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และช่วยเหลือ สนับสนุน และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม คณะฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและความเข้าใจในวิทยาการด้านบริหารธุรกิจและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่างๆ ในเขตภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ โดยจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการ 3 ศูนย์คือ
1.ศูนย์ที่ปรึกษาการประกอบการ (Center for Entrepreneurship and Business Management) มีภาระหน้าที่ให้คำปรึกษาการจัดตั้งและการประกอบการ รวมถึงการบริหารงานของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง การจัดองค์กร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยตลาด ตลอดจนการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ
2.ศูนย์พัฒนาการบัญชี (Center for Accounting Development) มีภาระหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชีและภาษีอากรโดยเฉพาะ ได้แก่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบัญชี การวางระบบบัญชี และการภาษีอากร และการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชี และ การภาษีอากร ตลอดจนการให้บริการเป็นหน่วยตรวจสอบบัญชีของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
3.ศูนย์ที่ปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การบริหารระบบคอมพิวเตอร์ การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ธุรกิจ และการพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ รวมถึงการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆในประเด็นและหัวข้อทาง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการใช้ซอฟต์แวร์ทางด้านธุรกิจ
ปรัชญา (Philosophy)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และสร้างสรรค์วิทยาการด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติได้
ปณิธาน (Determination)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการที่มีความเป็นเลิศ และผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ เพียบพร้อมด้วยความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพ มีความใฝ่รู้ มีความคิดเชิงวิเคราะห์และริเริ่มสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
วิสัยทัศน์ (Vision)
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำ ที่มีความโดดเด่นทางด้านคุณภาพการเรียนการสอน ศักยภาพการพัฒนางานวิจัย และความเป็นเลิศในการบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
พันธกิจ (Mission)
1. ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ที่มีความเป็นเลิศ มีศักยภาพและเจตนาที่ดีต่อการประกอบอาชีพ รวมทั้งมีความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการอย่างมืออาชีพ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสังคม
2. ผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ และประยุกต์ให้เหมาะกับธุรกิจในท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล รวมถึงการผลิตเอกสารและตำราเรียนที่มีคุณภาพ
3. ให้บริการวิชาการเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินงานตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศ
4. พัฒนานิสิตให้มีความพร้อมด้านคุณธรรม จริยธรรม และบุคลิกภาพ โดยผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมนิสิต เพื่อให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
5. ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
6. ประยุกต์ใช้ระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศภายในองค์กร โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล และวัฒนธรรมคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการความรู้ทั่วทั้งองค์กร
ค่านิยมร่วม (Share Values)
คณะการบัญชีและการจัดการ ยึดมั่นในความเป็นมืออาชีพ (Profressionalism) มีสัมพันธภาพที่ดี (Relationship) สร้างสรรค์นวัฒกรรม (Innovation) มุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานอย่างมีความสุข (Devotion) และมีคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ (Ethics)
วัตถุประสงค์ (Objectives)
1. เพื่อผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
2. เพื่อบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและนอกมหาวิทยาลัย
3. เพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
4. เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและการทำงานตามหลักการบริหารจัดการที่ดี
สาขาวิชาเอก และหลักสูตร
สาขาวิชาการบัญชี
Ph.D.(Accounting) หลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชี M.Acc. หลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต (บช.ม.) B.Acc. หลักสูตรบัญชีบัณฑิตฺ (บช.บ.)
สาขาวิชาการจัดการ
Ph.D.(Management) หลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) M.M. หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (กจ.ม.) B.B.A. (Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
M.B.A. (Technology and Electronic Commerce Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ( บธ.ม. ) B.B.A. (Electronic Commerce Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ
B.B.A. (Entrepreneurship Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการการทรัพยากรมนุษย์
B.B.A. (Human Resource Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
M.Econ. หลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) B.Econ. (Business Economics) หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต (ศ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) B.B.A. (International Business) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.)
สาขาวิชาการตลาด
M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) B.B.A (Marketing) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.)
สาขาวิชาการบริหารการเงิน
B.B.A. (Financial Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ
B.B.A. (Business Information Technology) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
B.B.A. (Business Computer) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ ระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยคณะการบัญชีและการจัดการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2541 มีลักษณะของการดำเนินงานและรูปแบบของการบริหารงานแบบนอกระบบราชการเน้นความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และพึ่งตนเองมากที่สุดในการจัดการศึกษา โดยมีสภามหาวิทยาลัยมหาสารคามทำหน้าที่กำกับดูแลและควบคุม
คณะการบัญชีและการจัดการเริ่มต้นจากภาควิชาบริหารธุรกิจ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ใน ปีการศึกษา 2538 ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจ (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาการตลาดขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จากเดิมที่เปิดสอนเฉพาะวิชาโทบริหารธุรกิจ) โดยจัดสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเป็นโครงการพิเศษ ในปีการศึกษา 2540 ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (ต่อเนื่อง 2 ปี) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการตลาดด้วย
ในปีการศึกษา 2546 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบัญชีบัณฑิต และหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิตขึ้น
ในปีการศึกษา 2547 คณะฯ ได้เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาธุรกิจระหว่าง ประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง พร้อมทั้งมีการปรับปรุง หลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ในปีการศึกษา 2548 คณะฯ ได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (4 ปี) สาขาวิชาการจัดการทรัพยากร มนุษย์ สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ สาขาวิชาการบริหารการเงิน สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ และหลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต (ศ.บ.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A.) สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) และเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และระดับปริญญาเอกหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาการจัดการ ขึ้นอีกด้วย
จากวันนั้น ถึงวันนี้คณะการบัญชีและการจัดการได้พัฒนาความก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการและการ บริหารงานมาโดยตลอด เกือบ 10 ปี ที่ก้าวเดินบนเส้นทางการผลิตบัณฑิต และมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน คณะฯ ได้ผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดออกไปรับใช้สังคมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศจำนวนมาก ซึ่งบัณฑิตและมหาบัณฑิตของคณะฯ เป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพการบัญชีและบริหารธุรกิจเป็นอย่างดี มีคุณธรรม จริยธรรมที่โดดเด่น
และสามารถประยุกต์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และช่วยเหลือ สนับสนุน และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม คณะฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและความเข้าใจในวิทยาการด้านบริหารธุรกิจและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ให้บริการวิชาการแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่างๆ ในเขตภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ โดยจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการ 3 ศูนย์คือ
1.ศูนย์ที่ปรึกษาการประกอบการ (Center for Entrepreneurship and Business Management) มีภาระหน้าที่ให้คำปรึกษาการจัดตั้งและการประกอบการ รวมถึงการบริหารงานของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง การจัดองค์กร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยตลาด ตลอดจนการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ
2.ศูนย์พัฒนาการบัญชี (Center for Accounting Development) มีภาระหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชีและภาษีอากรโดยเฉพาะ ได้แก่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบัญชี การวางระบบบัญชี และการภาษีอากร และการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการบัญชี และ การภาษีอากร ตลอดจนการให้บริการเป็นหน่วยตรวจสอบบัญชีของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
3.ศูนย์ที่ปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การบริหารระบบคอมพิวเตอร์ การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ธุรกิจ และการพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ รวมถึงการให้บริการฝึกอบรมแก่บุคคลทั่วไปและหน่วยงานต่างๆในประเด็นและหัวข้อทาง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และการใช้ซอฟต์แวร์ทางด้านธุรกิจ
ปรัชญา (Philosophy)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม พัฒนาความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และสร้างสรรค์วิทยาการด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติได้
ปณิธาน (Determination)
คณะการบัญชีและการจัดการ มุ่งสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการที่มีความเป็นเลิศ และผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ เพียบพร้อมด้วยความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพ มีความใฝ่รู้ มีความคิดเชิงวิเคราะห์และริเริ่มสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม และดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
วิสัยทัศน์ (Vision)
คณะการบัญชีและการจัดการ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นนำ ที่มีความโดดเด่นทางด้านคุณภาพการเรียนการสอน ศักยภาพการพัฒนางานวิจัย และความเป็นเลิศในการบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
พันธกิจ (Mission)
1. ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ที่มีความเป็นเลิศ มีศักยภาพและเจตนาที่ดีต่อการประกอบอาชีพ รวมทั้งมีความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการอย่างมืออาชีพ เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสังคม
2. ผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ และประยุกต์ให้เหมาะกับธุรกิจในท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล รวมถึงการผลิตเอกสารและตำราเรียนที่มีคุณภาพ
3. ให้บริการวิชาการเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินงานตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศ
4. พัฒนานิสิตให้มีความพร้อมด้านคุณธรรม จริยธรรม และบุคลิกภาพ โดยผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมนิสิต เพื่อให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
5. ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
6. ประยุกต์ใช้ระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศภายในองค์กร โดยใช้หลักธรรมมาภิบาล และวัฒนธรรมคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการความรู้ทั่วทั้งองค์กร
ค่านิยมร่วม (Share Values)
คณะการบัญชีและการจัดการ ยึดมั่นในความเป็นมืออาชีพ (Profressionalism) มีสัมพันธภาพที่ดี (Relationship) สร้างสรรค์นวัฒกรรม (Innovation) มุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานอย่างมีความสุข (Devotion) และมีคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ (Ethics)
วัตถุประสงค์ (Objectives)
1. เพื่อผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
2. เพื่อบริการวิชาการทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและนอกมหาวิทยาลัย
3. เพื่อสร้างสรรค์งานวิจัยทางด้านการบัญชี บริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์
4. เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและการทำงานตามหลักการบริหารจัดการที่ดี
สาขาวิชาเอก และหลักสูตร
สาขาวิชาการบัญชี
Ph.D.(Accounting) หลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชี M.Acc. หลักสูตรบัญชีมหาบัณฑิต (บช.ม.) B.Acc. หลักสูตรบัญชีบัณฑิตฺ (บช.บ.)
สาขาวิชาการจัดการ
Ph.D.(Management) หลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) M.M. หลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต (กจ.ม.) B.B.A. (Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
M.B.A. (Technology and Electronic Commerce Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต ( บธ.ม. ) B.B.A. (Electronic Commerce Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการการประกอบการ
B.B.A. (Entrepreneurship Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการการทรัพยากรมนุษย์
B.B.A. (Human Resource Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ( บธ.บ.)
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ
M.Econ. หลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (ศ.ม.) B.Econ. (Business Economics) หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต (ศ.บ.)
สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) B.B.A. (International Business) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.)
สาขาวิชาการตลาด
M.B.A. หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) B.B.A (Marketing) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.)
สาขาวิชาการบริหารการเงิน
B.B.A. (Financial Management) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ
B.B.A. (Business Information Technology) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
B.B.A. (Business Computer) หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต(บธ.บ.)
วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่2009
วิธีป้องกัน ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล สำหรับ ผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์ สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด (หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที)
4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ
2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม
5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์
ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล สำหรับ ผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์ สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด (หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อดูแลเสร็จ ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที)
4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ
2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม
5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์
อาหารภาคเหนือ
แกงน้ำเต้าอ่อน

แกงน้ำเต้าอ่อน หรือแกงบ่าน้ำ นิยมใช้บ่าน้ำหรือน้ำเต้า ที่ยังเป็นผลอ่อน ใส่ปลาช่อนย่างไฟ บ้างนิยมใส่ใบโหระพา แทนใบแมงลัก
ส่วนผสม
1. น้ำเต้าน้ำเต้าอ่อน 150 กรัม
2. ปลาช่อนย่าง 100 กรัม
3. ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย
4. ผักชีซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกหนุ่ม 2 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. ปลาช่อนย่าง 50 กรัม
5. กะปิหยาบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำ พอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด
3. ใส่น้ำเต้า คนให้เข้ากัน
4. ใส่ปลาช่อนย่าง ตามด้วยใบแมงลัก คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
เคล็บลับในการปรุงโขลกปลาย่างรวมกับเครื่องแกง จะทำให้น้ำแกงข้นขึ้น
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=115
เจียวไข่มดแดง

เจียวไข่มดแดง
เจียว (อ่านว่า เจี๋ยว) เป็นวิธีการปรุงอาหารที่ใส่น้ำ แล้วตั้งไฟให้เดือด ใส่กะปิ เกลือหรือน้ำปลา ปลาร้า กระเทียม หอมหัวเล็ก พริกสด ลงไปปรุงรส จากนั้นจึงใส่ผัก หรือไข่ขณะที่น้ำเดือด หรือจะปรุงรสทีหลังก็ได้ แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย ถ้าชอบเผ็ด ก็ใส่พริกสด หรือพริกสดเผาแกะเปลือก ใส่ลงไปทั้งเม็ด หรือจะใช้กินกับเจียวผักนั้น เจียวมีลักษณะคล้ายจอ แต่ไม่มีรสเปรี้ยว ปริมาณน้ำแกงน้อยกว่าจอ เช่น เจียวผักโขม เจียวไข่มดแดง เป็นต้น (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 1367; ศรีวรรณ จำรัส, 2550, สัมภาษณ์)
เจียวไข่มดแดง
เจียวไข่มดแดง หรือเจี๋ยวไข่มดส้ม เป็นการปรุงอาหารประเภทเจียว ที่นิยมใส่ไข่ไก่ โดยตีให้กระจาย ลงไปในน้ำแกงขณะเดือด เช่นเดียวกับการเจียวผัก แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย แล้วแต่ชอบ (อินทร วงค์กุฎ, สัมภาษณ์, 26 มิถุนายน 2550)
ส่วนผสม
1. ไข่มดแดง 50 กรัม
2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. มะเขือเทศลุกใหญ่ 3 ลูก
4. หอมแดง 3 หัว
5. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกแห้ง 3 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. กะปิ 1 ช้อนชา
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างไข่มดแดงให้สะอาด
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. น้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟ ละลายเครื่องแกง พอเดือด
4. ใส่ไข่มดแดง หอมแดง และมะเขือเทศ
5. ใส่ไข่ไก่ คนให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=23
แกงน้ำเต้าอ่อน หรือแกงบ่าน้ำ นิยมใช้บ่าน้ำหรือน้ำเต้า ที่ยังเป็นผลอ่อน ใส่ปลาช่อนย่างไฟ บ้างนิยมใส่ใบโหระพา แทนใบแมงลัก
ส่วนผสม
1. น้ำเต้าน้ำเต้าอ่อน 150 กรัม
2. ปลาช่อนย่าง 100 กรัม
3. ใบแมงลัก 1/2 ถ้วย
4. ผักชีซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกหนุ่ม 2 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. ปลาช่อนย่าง 50 กรัม
5. กะปิหยาบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำ พอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด
3. ใส่น้ำเต้า คนให้เข้ากัน
4. ใส่ปลาช่อนย่าง ตามด้วยใบแมงลัก คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
เคล็บลับในการปรุงโขลกปลาย่างรวมกับเครื่องแกง จะทำให้น้ำแกงข้นขึ้น
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=115
เจียวไข่มดแดง
เจียวไข่มดแดง
เจียว (อ่านว่า เจี๋ยว) เป็นวิธีการปรุงอาหารที่ใส่น้ำ แล้วตั้งไฟให้เดือด ใส่กะปิ เกลือหรือน้ำปลา ปลาร้า กระเทียม หอมหัวเล็ก พริกสด ลงไปปรุงรส จากนั้นจึงใส่ผัก หรือไข่ขณะที่น้ำเดือด หรือจะปรุงรสทีหลังก็ได้ แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย ถ้าชอบเผ็ด ก็ใส่พริกสด หรือพริกสดเผาแกะเปลือก ใส่ลงไปทั้งเม็ด หรือจะใช้กินกับเจียวผักนั้น เจียวมีลักษณะคล้ายจอ แต่ไม่มีรสเปรี้ยว ปริมาณน้ำแกงน้อยกว่าจอ เช่น เจียวผักโขม เจียวไข่มดแดง เป็นต้น (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 1367; ศรีวรรณ จำรัส, 2550, สัมภาษณ์)
เจียวไข่มดแดง
เจียวไข่มดแดง หรือเจี๋ยวไข่มดส้ม เป็นการปรุงอาหารประเภทเจียว ที่นิยมใส่ไข่ไก่ โดยตีให้กระจาย ลงไปในน้ำแกงขณะเดือด เช่นเดียวกับการเจียวผัก แต่งกลิ่นด้วยต้นหอม ผักชี หรือพริกไทย แล้วแต่ชอบ (อินทร วงค์กุฎ, สัมภาษณ์, 26 มิถุนายน 2550)
ส่วนผสม
1. ไข่มดแดง 50 กรัม
2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. มะเขือเทศลุกใหญ่ 3 ลูก
4. หอมแดง 3 หัว
5. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกแห้ง 3 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 3 หัว
4. กะปิ 1 ช้อนชา
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างไข่มดแดงให้สะอาด
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. น้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟ ละลายเครื่องแกง พอเดือด
4. ใส่ไข่มดแดง หอมแดง และมะเขือเทศ
5. ใส่ไข่ไก่ คนให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ
ที่มา : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=23
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552
แนะนำตัวเอง
ชื่อนางสาวสุภาวิดา สูงดำ
ชื่อเล่น เอ อายุ 22 ปี
รหัสนิสิต 49010913903
คณะการบัญชีและการจัดการ
สาขา การบัญชี
ชื่อเล่น เอ อายุ 22 ปี
รหัสนิสิต 49010913903
คณะการบัญชีและการจัดการ
สาขา การบัญชี
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

